อิคคิว ร้อง ปทส. วัดครูบาไก่ รุกพื้นที่ป่าสงวน

จากกรณี นางสาววาสนา หรือ อิคคิว อายุ 33 ปี พร้อม นางสาวคมคาย หรือบุ๋ม อายุ 43 อดีตโยมอุปัฏฐาก พระสุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ ประธานที่พักสงฆ์วัดป่า แ ห่ งหนึ่งใน จังหวัดขอนแก่น เดินทางพร้อมเอกสารภาพถ่ายวัดป่า แ ห่ งหนึ่ง ที่พบว่าการ บุ ก รุกพื้นที่ป่าสงวน

โดยนางสาวคมคาย หรือบุ๋ม ระบุว่า ในวันนี้ตนเองเดินทางมาพร้อมเอกสารภาพถ่าย และ ห ลั ก ฐ า น ที่สามารถยืนยันได้ว่าพื้นที่วัด ดั ง กล่าว มีการ บุ ก รุกพื้นที่ป่าสงวน กว่า 70-100 ไร่ โดยขอให้ทาง ตำ ร ว จ ตรวจสอบว่าเป็นการ บุ ก รุกพื้นที่ป่าสงวนจริงหรือไม่

ส่วนที่ตนเองออกมาเดินหน้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับตัวนายสุวิทย์ ไม่ใช่มาจากปัญหาส่วนตัวแต่มาจากการที่นายสุวิทย์ กระทำความผิดแต่ยังคงดื้อไม่ยอมรับผิดกับสิ่งที่ตนเองได้ทำไป และยังมีการมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ตนเองทั้งทางที่พวกตนเองเป็นผู้ เ สี ย หาย จึงจำเป็นต้องเดินหน้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อเอาผิด ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ขณะที่ในเรื่องของหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหาที่ทาง ตำ ร ว จ สภ. มัญจาคีรี ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าได้มีการออกหมายเรียกให้พวกตนไ ป รั บ ทราบข้อหาหมิ่นพระพุทธศาสนาในวันที่ 27 มกราคม ยืนยันว่าพวกตนยังไม่มีใครได้รับหมายเรียก ดั ง กล่าว จึงอ ย า กขอให้ทาง ตำ ร ว จ ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความตรงไปตรงมา เพราะเรื่องหมาย ดั ง กล่าวพวกตนก็มารู้จากการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไม่ได้เห็นตัวเอกสารตามที่มีการกล่าวอ้างถึง

ส่วนเรื่องการหมิ่นพระพุทธศาสนายืนยันว่าพวกตนไม่ได้หมิ่นตามการกล่าวหา แต่พวกตนต้องการปกป้องพระพุทธศาสนาเมื่อพบว่ามีใครที่ทำผิดหลักคำสอนก็ต้องออกมาเดินหน้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เอาผิดกับคน ดั ง กล่าว อีกทั้งตนเองก็ ถือว่าเป็นผู้ เ สี ย หายที่มีการทำบุญไปเป็นหลัก 1,000,000 บาท

ขณะที่ พล ตำ ร ว จ ตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้ บั ง คั บ การปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพ ย า กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า แล้ววันนี้จะรับเอกสาร ห ลั ก ฐ า น รวมถึงจะทำการสอบปากคำผู้ที่มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อนำคำให้การและเอกสาร ห ลั ก ฐ า น ไปประกอบกับ ห ลั ก ฐ า น ที่ทาง ตำ ร ว จ มีการรวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นสามารถเปิดเผยให้กับสื่อมวลชนได้ทราบเพียงเล็กน้อยว่าพบว่าในพื้นที่ ดั ง กล่าว ตัววัดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนจริงรวมถึงยังพบว่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่วัดตั้งอยู่มีการออกโฉนดอยู่จำนวนสองแปลง ประมาณกว่า31 ไร่ ซึ่งในส่วนของโฉนดทั้งสองแปลงนี้จะให้ทางกองกำกับการ 3 กอง บั ง คั บ การปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพ ย า กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ กก.3 บก.ปทส. ที่จะดำเนินการรับเรื่องคำร้องทุกข์ในครั้งนี้ไปตรวจสอบพร้อมกันด้วย

ส่วนในพื้นที่ของวัดจะมีการตรวจสอบว่าได้มีการยื่นขออนุญาตตั้งวัดในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ เนื่องจากมติคณะ ครม. เมื่อปี 2563 มีการเปิดช่องให้หน่วยงานรา ช ก ารหรือวัดหรือสำนักสงฆ์สามารถขออนุญาตจัดตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนได้สูงสุดไม่เกิน 15 ไร่ ในระยะเวลาตั้งแต่ 5-30 ปี แต่จะต้องมีการขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับทาง สำนักพุทธศาสนา และมีการส่งเรื่องมาที่กรมป่าไม้ก่อนช่วงปลายปีที่ ผ่ า นมาซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดการขออนุญาต โดยทาง ตำ ร ว จ จะทำการตรวจสอบเอกสาร ดั ง กล่าวหากพบว่ามีการขออนุญาตและอยู่ในขั้นตอนระหว่างการดำเนินการก็จะถือว่าไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ บุ ก รุกป่าสงวน แต่หากพื้นที่ ดั ง กล่าวไม่เคยมีการขออนุญาตการจัดตั้งวัดในพื้นที่ป่าสงวนก็จะถือว่ามีความผิด

โดยอัตราโทษอยู่ที่หาก บุ ก รุกไม่เกิน 25 ไร่ มีอัตราโทษจำคุก 6เดือน -5 ปี ป รั บ 5พัน – 5 หมื่น แต่หาก เกิน 25 ไร่ จำคุก 2 ปี -15 ปี ป รั บ 2 หมื่น – 1.5 แสน โดยในวันนี้ยังได้ประสานให้ชุดเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้มาดำเนินการรับเอกสาร ดั ง กล่าวเพื่อเตรียมนำไปตรวจสอบในพื้นที่อีกครั้ง

#ครูบาไก่
#บุกรุกป่า

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *